รถโฟล์คลิฟท์ (Forklift truck) หรือ โฟล์คลิฟท์ถ่วงน้ำหนัก เคาน์เตอร์บาลานซ์ (Counterbalance forklift Truck) รถยกประเภทนี้ถูกออกแบบมาเพื่อทลายข้อจำกัดทางด้านการขนถ่ายสินค้า ซึ่งรถโฟล์คลิฟท์เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของงานโลจิสติกส์ในคลังสินค้า โรงงานอุตสาหกรรม และสถานที่ที่ต้องจัดการกับสินค้าจำนวนมาก
รถโฟล์คลิฟท์ (Forklift) คือ ยานพาหนะที่ใช้สำหรับการเคลื่อนย้ายพาเลทสินค้าหรือสิ่งของ โดยมีลักษณะเป็นรถขนาดใหญ่ที่ติดตั้งเสา (Mast) และแผงงา (Forks) ที่สามารถยกขึ้น-ลงได้บริเวณด้านหน้าของตัวรถยก ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถยกและเสียบพาเลทสินค้าที่มีน้ำหนักเกินกว่าที่มนุษย์จะทำได้ด้วยตนเอง ซึ่งหลักการทำงานของรถโฟล์คลิฟท์จะมีขั้นตอนง่าย ๆ เพียง 3 ขั้นตอนคือ
สำหรับรถโฟล์คลิฟท์ที่จะสามารถทำงานขนส่ง เคลื่อนย้าย และยกพาเลทขึ้น-ลง ได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น จะต้องมีส่วนประกอบสำคัญที่จำเป็นต่อการใช้งานดังนี้
โครงรถโฟล์คลิฟท์เป็นส่วนประกอบหลักที่เป็นฐานของตัวรถ โดยจะประกอบไปด้วย ล้อ ห้องโดยสาร เสายก และงา ซึ่งขนาดของโครงรถนั้นจะมีความแตกต่างตามประเภทการใช้งานและน้ำหนักสินค้าที่สามารถรองรับได้
ส่วนประกอบถัดมาคือส่วนของเครื่องยนต์และแบตเตอรี่ ซึ่งรถโฟล์คลิฟท์มีทั้งแบบเครื่องยนตร์สันดาปภายใน (เบนซิน ดีเซล และแก๊ส LPG) และแบบมอเตอร์ไฟฟ้าที่รับพลังงานจากแบตเตอรี่
ตัวถ่วงน้ำหนักเป็นอีกหนึ่งส่วนประกอบที่สำคัญของรถโฟล์คลิฟท์ ที่จะทำหน้าที่ถ่วงน้ำหนักเวลาที่มีการยกสินค้าที่มีน้ำหนักมาก ๆ โดยตัวถ่วงน้ำหนักจะถูกติดตั้งไว้ที่บริเวณส่วนหลังของตัวรถเพื่อสร้างความสมดุลในขณะที่มีการยกสินค้าขึ้น
เสาค้ำเป็นส่วนประกอบของรถโฟล์คลิฟท์ที่จะทำหน้าที่เป็นตัวยึดระหว่างแผงงากับตัวรถ และยังทำหน้าที่เป็นรางสำหรับเคลื่อนขึ้น-ลงของงาอีกด้วย
ส่วนประกอบส่วนสุดท้ายของรถโฟล์คลิฟท์ คือ แผงงา จะทำหน้าที่เป็นตัวยึดจับงาซึ่งจะถูกติดตั้งอยู่กับเสาค้ำ เพื่อให้สามารถลิฟท์เสาขึ้น-ลงได้ง่าย
สำหรับใครที่สงสัยว่ารถโฟล์คลิฟท์มีกี่ประเภท บทความนี้จะมาคลายข้อสงสัยให้เข้าใจกันมากยิ่งขึ้น โดยประเภทของรถโฟล์คลิฟท์สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
Forklift ประเภทแรกจะเป็นรถ โฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า (Electric Forklift) ซึ่งเป็นรถโฟล์คลิฟท์ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ไฟฟ้า 100% ในการขับเคลื่อน จุดเด่นคือสามารถชาร์จไฟได้เลย ไม่ต้องเติมน้ำมันหรือเติมแก๊ส LPG ทำให่มีความปลอดภัยมากกว่ารถโฟล์คลิฟท์เครื่องยนต์สันดาป ทั้งด้านพลังงาน สิ่งแวดล้อม จากของเสียที่เกิดจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์
โดย แบตเตอรี่โฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า จะมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท คือ แบตเตอรี่ลิเธียมไออออน (Lithium-ion Battery) และแบตเตอรี่กรดตะกั่ว (Lead Acid Battery) ซึ่งแบตเตอรี่ลิเธียมไออออนจะมีเทคโนโลยี และจุดเด่นที่ได้เปรียบแบตเตอรี่กรดตะกั่วในเรื่องของการให้ความจุพลังงานที่สูง
มาพร้อมกับอายุการใช้งานที่ยาวนาน สามารถชาร์จไฟได้เร็ว และมีการรักษาไฟฟ้าที่ดี ที่สำคัญพลังงานไฟฟ้ายังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์
Forklift ประเภทที่สองจะเป็นรถโฟล์คลิฟท์เครื่องยนต์สันดาป (Engine Forklift) ที่จะใช้เชื้อเพลิงจากน้ำมันเบนซิน ดีเซล หรือแก๊ส LPG เป็นแหล่งพลังงาน เหมาะสำหรับการใช้งานกลางแจ้งหรือในพื้นที่ที่มีการระบายอากาศเพียงพอ สามารถยกของหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังสามารถเติมเชื้อเพลิงได้ง่าย ช่วยให้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง
หลังจากที่ได้ทำความเข้าใจกับส่วนประกอบและประเภทของรถโฟล์คลิฟท์กันไปแล้ว ถัดไปมาดูประโยชน์ของรถโฟล์คลิฟท์กันดีกว่าว่า ช่วยให้การทำงานในคลังสินค้าและธุรกิจดีขึ้นอย่างไรได้บ้าง
รถโฟล์คลิฟท์ถูกออกแบบมาให้สามารถเคลื่อนย้ายพาเลทสินค้าหรือสิ่งของที่มีปริมาณน้ำหนักมาก ๆ ได้อย่างง่ายได้ ซึ่งช่วยให้ประหยัดเวลาในการทำงานรวมถึงทุ่นแรงคนเป็นอย่างมาก
การใช้รถโฟล์คลิฟท์สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในหลาย ๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นค่าแรงในการขนย้าย ลดความเสียหายของสินค้า ช่วยลดระยะเวลาในการทำงาน ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขนย้ายสินค้าลดลง
การมีเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพเสริมการทำงานอย่างรถโฟล์คลิฟท์ย่อมได้เปรียบคู่แข่งทางธุรกิจ จากการขนส่งสินค้าได้รวดเร็ว ตรงต่อเวลา ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น อีกทั้งยังสะท้อนความเป็นมืออาชีพและความทันสมัยของแบรนด์
รถโฟล์คลิฟท์ไม่ใช่แค่ค่าใช้จ่ายแต่ยังเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าต่อธุรกิจ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน อีกทั้งยังสามารถใช้งานได้ยาวนานและสามารถบำรุงรักษาหรือซ่อมแซมได้ง่าย
การใช้รถโฟล์คลิฟท์ยกของหนักแทนการยกด้วยมือ ช่วยลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของพนักงานอีกทั้งรถโฟล์คลิฟท์ยังมีระบบความปลอดภัยต่าง ๆ ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการทำงานเช่น ไฟสัญญาณ (LED Warning Lights) เสียงแจ้งเตือน (Buzzer) และระบบกล้อง (Camera Systems) เป็นต้น
รถโฟล์คลิฟท์เป็นยานพาหนะสำหรับยกของที่มีประโยชน์ เหมาะกับธุรกิจหลากหลายประเภท โดยเฉพาะธุรกิจที่ต้องจัดการกับสินค้าจำนวนมาก มีการขนย้ายสินค้าบ่อยครั้ง หรือต้องจัดเก็บสินค้าในคลังสินค้า ซึ่งประเภทธุรกิจที่เหมาะกับรถโฟล์คลิฟท์จะมีดังนี้
โฟล์คลิฟท์ช่วยในเรื่องการขนย้าย จัดเก็บ และโหลดสินค้าขึ้นยานพาหนะได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย
ในอุตสาหกรรมโรงงานผลิต จะเน้นในการผลิตสินค้าต่างๆ ซึ่งรถโฟล์คลิฟท์จะช่วยในการขนย้ายสินค้านั้นๆ ให้เป็นเรื่องง่าย ซึ่งการเคลื่อนย้ายสินค้าเหล่านี้จะคำนึงถึงประสิทธิภาพในการทำงานเป็นหลัก เช่น สินค้าหนักที่เป็นชิ้นส่วนรถยนต์ หรืออะไหล่เครื่องจักร ที่จำเป็นต้องใช้รถโฟล์คลิฟท์ที่มีประสิทธิภาพในการเคลื่อนย้ายสินค้าที่สูงและให้ความปลอดภัย
อีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่จำเป็นต้องมีการใช้รถโฟล์คลิฟท์ถ่วงน้ำหนัก เคานเตอร์บาลานซ์ในการเคลื่อนย้ายภายในลานชิปปิ้ง ซึ่งเป็นการขนถ่ายสินค้าจากตู้คอนเทนเนอร์ไปยังคลังสินค้าหรือพื้นที่อื่นที่กำหนด
ปัจจุบันอีกหนึ่งธุรกิจที่ใช้รถโฟล์คลิฟท์กันอย่างแพร่หลาย นั่นคือศูนย์กระจายสินค้า หรือ DC ซึ่งสิ่งสำคัญคือต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของสินค้าระหว่างเคลื่อนย้ายเป็นหลัก ตั้งแต่เริ่มโหลด ขนย้าย ไปจนถึงโหลดเข้าพื้นที่ที่กำหนด
รถโฟล์คลิฟท์ถ่วงน้ำหนัก เคาน์เตอร์บาลานซ์ มีความปลอดภัยและทนทาน อีกทั้งยังให้ความอเนกประสงค์ที่สามารถใช้งานได้ทั้งภายใน (Indoor) และภายนอกอาคาร (Outdoor) แต่เพื่อให้ใช้งานได้ตรงวัตถุประสงค์มากที่สุด นั่นคือ การใช้งานในพื้นที่เรียบ กล่าวคือ สามารถใช้งานภายในโกดังเก็บผลไม้ หรือลานกว้าง ที่มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการเคลื่อนย้ายสินค้า
สำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคลังสินค้า โรงงานอุตสาหกรรม หรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรที่มีการขนย้ายสินค้าที่มีน้ำหนักหรือมีปริมาณมาก ๆ การตัดสินใจเลือกซื้อรถโฟล์คลิฟท์ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่คุ้มค่าต่อการลงทุนเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะช่วยลดระยะเวลาในการขนย้ายสินค้าแล้ว ยังช่วยประหยัดทรัพยากรในด้านต่าง ๆ เช่น ลดการใช้ทรัพยากรบุคคล หรือลดค่าใช้จ่ายทางธุรกิจ เป็นต้น ที่สำคัญการเลือกใช้รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้ายังส่งผลดีในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีความปลอดภัยสูง มีสมรรถนะสูงใช้วัสดุที่แข็งแรงมีคุณภาพ อีกทั้งยังประหยัดเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อนและสามารถหาอะไหล่ซ่อมบำรุงได้ง่าย
โดยสามารถสอบถามรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
ติดต่อ สอบถาม
เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์
โทรศัพท์