Stacker คืออะไร? ทำความเข้าใจรถยก เคลื่อนย้ายพาเลทขึ้นที่สูง
Stacker คือ รถยกไฟฟ้าประเภทหนึ่ง มีลักษณะคล้ายกับรถลากพาเลทไฟฟ้า แต่ถูกออกแบบมาเพื่อยกพาเลทขึ้นชั้นวางแนวตั้งได้สูงกว่ารถลากพาเลททั่วไป เราจะพาไปทำความเข้าใจกับรถ Stacker ไฟฟ้าที่ใช้ในอุตสาหกรรมว่ามีรูปแบบอย่างไร หลักการทำงาน ข้อดีของ Stacker พร้อมแนะนำวิธีการเลือกใช้ Stacker ให้เหมาะกับประเภทงาน
ทำความเข้าใจ Stacker คืออะไร
รถยกไฟฟ้าขนาดเล็ก (Electric Stacker) หรือ พาเลทสแตกเกอร์ คือ รถยกที่ออกแบบมาเพื่อการยกและเคลื่อนย้ายพาเลทสินค้าขึ้นที่สูงโดยเฉพาะ ซึ่งจะเป็นรถยกขนาดเล็กที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการทำงาน เหมาะสำหรับการใช้งานในคลังสินค้าและโรงงานที่ต้องการยกและเคลื่อนย้ายพาเลทหรือสินค้าที่มีน้ำหนักปานกลาง ไม่เกิน 2 ตัน หรือ 2,000 กิโลกรัม โดยสามารถจัดเก็บพาเลทสินค้าบนชั้นวางแนวตั้งได้สูงถึง 6.2 เมตร ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รถยกในโรงงานอุตสาหกรรมถือเป็นพาหนะที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากในการขนย้ายพาเลทสินค้า โดยเฉพาะในคลังสินค้าที่มีพื้นที่จำกัดและต้องการความคล่องตัว
โดยข้อดีของ Stacker คือ นอกจากใช้งานในพื้นที่ที่แคบได้แล้วยังไม่ก่อให้เกิดมลพิษ หรือเสียงรบกวนขณะปฎิบัติงานที่ต่ำ ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% สามารถชาร์จไฟง่าย และใช้งานได้นานต่อรอบการชาร์จ นอกจากนี้ยังมีระบบความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน เช่น ระบบเบรกอัตโนมัติ และระบบป้องกันการยกเกินพิกัด ทำให้เป็นพาหนะที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสำหรับการขนถ่ายสินค้าในอุตสาหกรรม และหากเทียบกับรถยกสูงไฟฟ้ารีชทรัคที่มีกำลังแบตเตอรี่ที่สูงกว่า ทำให้สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องทั้งวันมากกว่าตัวสแตกเกอร์ไฟฟ้า ที่จะเหมาะกับการใช้งานที่ไม่หนักมากนัก ในราคาที่ถูกลง
ประเภทของ Stacker ในอุตสาหกรรม
หลังจากที่ได้ทราบกันไปแล้วว่า Stacker Lift คือพาหนะขนถ่ายสินค้าที่มีบทบาทสำคัญในการจัดการคลังสินค้าและโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่ง Stacker เองก็มีแบ่งประเภทที่แตกต่างกันออกไปตามรูปแบบและลักษณะระยะทางการใช้งาน โดยประเภทของ Stacker ที่นิยมใช้กันในโรงงานอุตสาหกรรมจะมีดังนี้
สแตกเกอร์ไฟฟ้าเดินตาม (Pallet Stacker)
รถ Stacker แบบเดินตามคือ สแตกเกอร์ไฟฟ้ารุ่นพื้นฐานที่ได้รับความนิยมในคลังสินค้าขนาดเล็กถึงปานกลาง ด้วยขนาดที่กะทัดรัดและควบคุมได้ง่าย ทำให้เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่จำกัด สามารถยกน้ำหนักได้สูงสุดถึง 2 ตัน และยกสูงได้ถึง 6 เมตร มาพร้อมระบบไฟฟ้าที่ใช้มีความประหยัดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เหมาะสำหรับการขนย้ายสินค้าที่วางบนพาเลทในระยะทางสั้น ๆ
สแตกเกอร์ไฟฟ้ายืนขับ (Pallet stand-on platform)
รถ Stacker แบบยืนขับถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานที่ต่อเนื่องในระยะทางที่ไกลขึ้น ตัวรถจะมีแท่นยืนสำหรับผู้ขับขี่พร้อมระบบป้องกันความปลอดภัย สามารถรับน้ำหนักได้มากกว่าแบบเดินตาม โดยจะรับน้ำหนักได้สูงถึง 3 ตัน และยกสูงได้ถึง 6 เมตร ด้วยความคล่องตัวและความเร็วในการทำงานที่สูงขึ้น ทำให้เหมาะกับการใช้งานในคลังสินค้าขนาดกลางถึงใหญ่ที่มีปริมาณงานมาก
สแตกเกอร์ไฟฟ้านั่งขับ (Electric sideways seated stacker)
รถ Stacker แบบนั่งขับเป็นรุ่นที่มีประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด เหมาะสำหรับการทำงานต่อเนื่องเป็นเวลานานในคลังสินค้าขนาดใหญ่ ตัวรถ Stacker ไฟฟ้าที่ออกแบบมาพร้อมที่นั่ง ทำให้ผู้ขับขี่ทำงานได้อย่างสบายและมีประสิทธิภาพ สามารถยกน้ำหนักได้มากถึง 2 ตัน และยกสูงได้ถึง 6.2 เมตร ทำให้สแตกเกอร์ไฟฟ้านั่งขับเหมาะกับการใช้งานต่อเนื่องในระยะทางไกล
หลักการทำงานของ Stacker
การทำงานของ Stacker คือจะเริ่มต้นจากการรับสินค้าที่วางอยู่บนพาเลท โดยผู้ควบคุมจะนำงา (Fork) สอดเข้าไปในช่องของพาเลท จากนั้นระบบไฮดรอลิกจะทำงานเพื่อยกพาเลทขึ้นจากพื้นประมาณ 10-15 เซนติเมตร เพื่อให้สามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างปลอดภัย เมื่อต้องการยกสินค้าขึ้นสู่ชั้นวางผู้ควบคุมจะขับ Stacker เข้าไปในตำแหน่งที่เหมาะสม โดยรักษาระยะห่างจากชั้นวางประมาณ 30 เซนติเมตร จากนั้นระบบไฮดรอลิกจะทำงานอีกครั้งเพื่อยกงาขึ้นพร้อมกับพาเลทสินค้าไปยังระดับความสูงที่ต้องการ
ในขั้นตอนสุดท้ายผู้ควบคุมจะเลื่อนงาที่บรรจุพาเลทเข้าไปในชั้นวาง และค่อย ๆ วางพาเลทลงบนคานรองรับ เมื่อพาเลทวางอยู่ในตำแหน่งที่มั่นคงแล้ว จึงถอยงาออกมา โดยตลอดกระบวนการทำงาน ระบบความปลอดภัยต่าง ๆ จะทำงานตลอดเวลาเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้
ข้อดีของการใช้ Stacker ในคลังสินค้า
คงจะทราบการทำงานของ Stacker กันไปแล้วว่า Stacker คือหัวใจสำคัญของการเคลื่อนย้ายพาเลทในคลังสินค้า ถัดมาเราจะมาลองดูข้อดีของ Stacker กันบ้างว่ามีอะไรบ้าง
วิธีการเลือกใช้ Stacker ที่เหมาะสม
การเลือก Stacker ที่เหมาะสมต้องพิจารณาปัจจัยสำคัญหลายด้าน เริ่มจากขนาดพื้นที่ใช้งาน โดยควรคำนึงถึงความกว้างของทางเดินและพื้นที่กลับรถ ซึ่งจะส่งผลต่อการเลือกขนาดและประเภทของ Stacker ในด้านความสูงของคลังสินค้าและชั้นวางสินค้าก็เป็นปัจจัยที่กำหนดความสูงในการยกของ Stacker เช่นกัน นอกจากนี้งบประมาณยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาทั้งค่ารถ Stacker ค่าบำรุงรักษา และค่าเชื้อเพลิง โดยควรเลือก Stacker ที่เหมาะสมกับการใช้งานและความคุ้มค่าในระยะยาว
การบำรุงรักษา Stacker ให้คงประสิทธิภาพ
การบำรุงรักษา Stacker อย่างสม่ำเสมอคือสิ่งสำคัญที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานและรักษาประสิทธิภาพการทำงาน โดยควรตรวจสอบประจำวันก่อนเริ่มใช้งานเช่น ตรวจระดับน้ำมันไฮดรอลิก ตรวจสอบรอยรั่วของท่อไฮดรอลิก และทดสอบระบบเบรก สำหรับการบำรุงรักษารายสัปดาห์ ควรทำการหล่อลื่นจุดหมุนต่าง ๆ ตรวจสอบระบบไฟฟ้าและแบตเตอรี่ รวมถึงทำความสะอาดและตรวจสอบสภาพโซ่และงา
ส่วนการบำรุงรักษารายเดือนควรตรวจสอบระบบไฮดรอลิกอย่างละเอียด ตรวจวัดแรงดันน้ำมัน และตรวจสอบการสึกหรอของล้อ นอกจากนี้ควรจัดให้มีการตรวจเช็กใหญ่โดยช่างผู้เชี่ยวชาญทุก 6 เดือน เพื่อตรวจสอบและเปลี่ยนอะไหล่ที่เสื่อมสภาพ การทำความสะอาดหลังใช้งานทุกครั้งและการจัดเก็บในที่ร่มจะช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควรได้อีกด้วย
Stacker หัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนคลังสินค้า
การเลือกใช้ Stacker ในคลังสินค้าคือการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับธุรกิจที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการสินค้า ด้วยความสามารถในการยกพาเลทสินค้าขึ้นที่สูง ทำให้วางสินค้าได้มากขึ้นโดยไม่ต้องขยายพื้นที่คลังสินค้า นอกจากนี้ยังสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำช่วยลดเวลาในการเคลื่อนย้ายสินค้า ลดความเสียหายจากการขนย้าย และลดต้นทุนด้านแรงงาน ทำให้การลงทุนใน Stacker คือทางเลือกที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจได้อย่างยั่งยืน
สำหรับใครที่สนใจรถ Stacker ไฟฟ้าสามารถเลือกดูสินค้าจาก Jungheinrich ผู้จัดจำหน่าย Stacker คุณภาพระดับพรีเมียม มีความปลอดภัยสูง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพราะเป็นรถไฟฟ้า 100% นอกจากนี้ยังมีสินค้าอื่น ๆ อีกมากมายเช่น โฟล์คลิฟท์ (Forklift) โฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า (Electric Forklift) หรือ รถลากพาเลท (Pallet Truck) เป็นต้น
โดยสามารถสอบถามรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
ติดต่อ สอบถาม
เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์
โทรศัพท์