ปฏิวัติประสิทธิภาพคลังสินค้า ยุงค์ไฮน์ริช ร่วมมือกับ โบรเซ่ เพื่อพัฒนาการดำเนินงานในประเทศไทยด้วยโซลูชั่นรถยกอัตโนมัติไร้คนขับ (AGV) ที่ล้ำสมัย
ปลดล็อกความสำเร็จในการปฏิบัติงาน: ถ่ายทอดเรื่องราวความสำเร็จในการยกระดับศักยภาพให้กับกระบวนการทำงานของคลังสินค้าอัจฉริยะบริษัทชั้นนำระดับโลกอย่างโบรเซ่ ด้วยรถยกอัตโนมัติไร้คนขับจากยุงค์ไฮน์ริช ผ่านวิดีโอกรณีศึกษา
กรุงเทพมหานคร, ประเทศไทย –วันที่ 23 เมษายน 2567 ยุงค์ไฮน์ริช ผู้บุกเบิกด้านโซลูชั่นอินทราโลจิสติกส์ และอุปกรณ์ขนถ่ายวัสดุชั้นนำระดับโลก จับมือกับ โบรเซ่ ผู้นำด้านโซลูชั่นอัจฉริยะสำหรับระบบเมคคาทรอนิกส์และไดรฟ์ไฟฟ้าสำหรับยานพาหนะที่หลากหลาย ร่วมพัฒนาศักยภาพ และยกระดับการดำเนินงานให้กับคลังสินค้าอัจฉริยะ ผ่านวิดีโอกรณีศึกษา แสดงให้เห็นถึงการดำเนินงานที่ใช้ประโยชน์จากรถยกอัตโนมัติไร้คนขับจากยุงค์ไฮน์ริช ทั้งนำเสนอแบบอย่างความมุ่งมั่นด้านการสร้างความยั่งยืนร่วมกัน
ยุงค์ไฮน์ริช ประเทศไทย และโบรเซ่ ประเทศไทย ร่วมกันพัฒนาศักยภาพให้กับปฏิบัติการในคลังสินค้าด้วยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างรถยกอัตโนมัติไร้คนขับ (AGV) รุ่น EKS 215a มาใช้งาน นับได้ว่าเป็นการพัฒนาด้านนวัตกรรมอย่างก้าวกระโดดอีกขั้นสำหรับทั้งสองบริษัท สร้างมาตรฐานบทใหม่ให้กับอุตสาหกรรมในประเทศไทย
คุณบาร์ต สแปนเจอร์ส ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ยุงค์ไฮน์ริช ลิฟท์ ทรัค จำกัด กล่าว “เราทำงานร่วมกับโบรเซ่มานานหลายปี เราเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่มุ่งเน้นในการสร้างคุณค่าด้านความยั่งยืน ความปลอดภัย และปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานให้กับคลังสินค้า โบรเซ่มีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาระบบปฏิบัติการให้มีประสิทธิภาพสูงสุดอยู่เสมอ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของยุงค์ไฮน์ริช ซึ่งเราได้สร้างความสัมพันธ์อันดีนี้โดยการร่วมงานกัน เพื่อค้นหาวิธีใหม่มาใช้ปรับปรุงประสิทธิภาพของคลังสินค้าและบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน”
“หัวใจสำคัญในการก้าวสู่ความสำเร็จ คือการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าและซัพพลายเออร์แบบเดิมมาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ที่ร่วมมือกันค้นหาโซลูชั่นที่ใช่และเหมาะสม เราร่วมมือกับโบรเซ่วิเคราะห์กระบวนการผลิตและคิดวิธีการจัดการคลังสินค้าให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งนั่นทำให้โซลูชั่น รถยกอัตโนมัติไร้คนขับ AGV จากยุงค์ไฮน์ริช ได้เข้ามามีบทบาทโปรเจคครั้งนี้”
“เราคิดว่ารถยกอัตโนมัติไร้คนขับ EKS 215a จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการทั้งหมดของ โบรเซ่ และช่วยให้พวกเขาสร้างสรรค์นวัตกรรมเพิ่มเติมได้ในอนาคต”
การยึดมั่นอย่างแน่วแน่ของโบรเซ่สะท้อนให้เห็นถึงหลักการ F.I.R.S.T.ที่ครอบคลุมถึงเรื่องของการดำเนินธุรกิจแบบครอบครัว มุ่งพัฒนาศักยภาพ สร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืน พัฒนากระบวนการทำงานให้รวดเร็ว และตระหนักถึงการทำงานร่วมกันเป็นทีม ซึ่งความร่วมมือของทั้งสองบริษัทในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงการบรรจบกันอย่างกลมกลืนของนวัตกรรม การพัฒนาศักยภาพบุคลากร และการตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมในการทำงาน
คุณเดนิส รอยล์ กรรมการผู้จัดการ โรงงานชลบุรี บริษัท โบรเซ่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว “เรามองหาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะนำมาใช้พัฒนาบริษัทของเราอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกระบวนการทำงานของเราและความสามารถในการรองรับจำนวนงาน และความแม่นยำที่เพิ่มขึ้น เรามั่นใจว่า AGV จากยุงค์ไฮน์ริชจะช่วยเราปรับปรุงขีดความสามารถในการปฏิบัติงานของโบรเซ่ได้ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
ยุงค์ไฮน์ริช และ โบรเซ่ ได้สร้างมาตรฐานบทใหม่สำหรับคลังสินค้าอัจฉริยะ มาตรฐานที่เน้นการทำงานที่ผสมผสานกันระหว่างความเฉลียวฉลาดของมนุษย์ และระบบอัตโนมัติที่ทันสมัย วิดีโอกรณีศึกษาไม่เพียงแต่นำเสนอการทำงานร่วมกันของทั้งสองบริษัทเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวอย่างด้านความคิดในการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้พัฒนาบุคลากรและระบบปฏิบัติการ โดยเน้นความสำคัญของการพัฒนาศักยภาพของกระบวนการทำงานอย่างต่อเนื่อง สร้างมาตรฐานให้กับคลังสินค้าอัจฉริยะและสร้างความยั่งยืน
เกี่ยวกับยุงค์ไฮน์ริช
ยุงค์ไฮน์ริช ผู้นำด้านอุตสาหกรรมการบริการโซลูชั่นด้านอินทราโลจิสติกส์ที่ดำเนินธุรกิจมาแล้วกว่า 70 ปี ยุงค์ไฮน์ริชคิดค้นและสรรหาผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นนวัตกรรมและยั่งยืน ในฐานะผู้บุกเบิกในกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าว เรามุ่งมั่นสร้างคลังสินค้าแห่งอนาคตอยู่อย่างต่อเนื่อง และในปีการเงิน พ.ศ. 2566, ยุงค์ไฮนริชและพนักงานทั่วโลกกว่า 21,000 คนสามารถสร้างรายได้มากถึง 5.5 พันล้านยูโร และในปัจจุบันเรามีโรงงานผลิต 12 แห่งทั่วโลก และศูนย์บริการและจำหน่ายสินค้าใน 42 ประเทศ
เกี่ยวกับโบรเซ่
โบรเซ่ เป็นหนึ่งในห้าซัพพลายเออร์ยานยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลกในปัจจุบัน รถยนต์ใหม่1ใน3คันที่ผลิตขึ้นทั่วโลก จะมีการติดตั้งผลิตภัณฑ์ของโบรเซ่อย่างน้อยหนึ่งรายการ โบรเซ่เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีเมคคาทรอนิกส์ ซึ่งพัฒนาและผลิตระบบสำหรับประตูรถ ประตูท้าย และเบาะนั่ง นอกจากนี้โบรเซ่ยังผลิตมอเตอร์ไฟฟ้าตั้งแต่ 200 วัตต์ถึง 14 กิโลวัตต์สำหรับการใช้งานต่างๆ เช่น การบังคับเลี้ยว การจัดการความร้อน หรือไดรฟ์สำหรับ e-bikeและe-scooters ในปี 2566 กลุ่มโบรเซ่สามารถสร้างรายได้ประมาณแปดพันล้านยูโร และมีพนักงานประมาณ 32,000 คน ในสำนักงาน 68 แห่งใน 24 ประเทศ
ในปัจจุบัน กลุ่มโบรเซ่จำหน่ายระบบเมคคาทรอนิกส์และไดรฟ์ไฟฟ้าให้กับแบรนด์ยานยนต์ประมาณ 80 แบรนด์ และมีซัพพลายเออร์มากกว่า 40 ราย นอกจากนี้ยังเป็นผู้ผลิตจักรยานไฟฟ้ากว่า 50 ราย